วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เปิดสวิทช์แห่งความสุข

ชีวิตของคุณ...คุณออกแบบได้ และเลือกได้ว่าจะคบคนแบบไหน

มีคน 3 แบบที่เราขอแนะนำให้คุณพาตัวของคุณเองเข้าไปอยู่ใกล้คบค้าสมาคมด้วย

แบบที่ 1 คนเก่ง
คนเก่งจะทำให้เรารู้สึกทึ่ง ทำให้เราได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีทำงานของเขา ซึ่งทำให้เราเก่งตามไปด้วย


แบบที่ 2 คนดี
คนดีจะทำให้เรารู้สึกถึงสัมผัสของความสงบร่มเย็น  ความรู้สึกที่จะแบ่งปันและการช่วยเหลือผู้อื่น

แบบที่3 คนที่มีความสุข
คนที่มีความสุขจะทำให้เราสุขใจไปด้วย เพราะเขาจะมองอะไรในมุมบวกเสมอ พลังแห่งความสุขจึงกระจายเข้าสู่ตัวเราด้วย


ชีวิตเราจะเก่ง ดี และสุขใจ

หากเราเลือกอยู่ใกล้คนเก่ง คนดี คนมีความสุข
                                              
                                                     ยิ่งอยู่ใกล้ เรายิ่งเก่ง
                                                     ยิ่งคบหา เรายิ่งดี
                                                  ยิ่งพูดคุย เรายิ่งสุขใจ

ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับคนที่เราเลือกคบ
เราคบคนเช่นไร ก็ย่อมมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงมากที่เราจะเป็นคนเช่นนั้นไปด้วย
ก็ออกแบบชีวิตของเราได้เองเลยค่ะ

ซึ่งในบรรดาคนทั้ง 3 แบบ หรือนอกเหนือจาก 3 แบบ เชื่อแน่ว่าแทบทุกคนล้วนปรารถนาความสุข ต่างไขว่คว้าดิ้นรนตามล่าหา “ความสุข” ตามวิธีการที่ตัวเองเข้าใจ

บางคนคิดว่าความสุขอยู่ตามป่าเขาแม่น้ำลำธาร ก็ไปท่องเที่ยวตามสถานที่เหล่านั้น


บางคนคิดว่าความสุขอยู่ที่อาหารอร่อยเมนูเด็ดดังเลิศรส ก็ไปสรรหามากินมาดื่มตามร้านที่แนะนำกัน

บางคนคิดว่าความสุขอยู่ที่เสื้อผ้าสวยๆเครื่องประดับราคาแพงก็เก็บเป็นของสะสมลำบากลำบนทำงานหนักเก็บเงินซื้อเพื่อให้ได้มา

       แล้วเคยสงสัยกันมั๊ยคะว่า ความสุขที่แท้จริงที่เป็นระดับตัวแม่ หรือแบบขั้นเทพ ที่มนุษย์ทุกคนแสวงหา มีสถานที่ทำการเพื่อผลิตพลังงานแห่งความสุขอยู่ที่ไหน หรือถ้าจะเปรียบเทียบกับต้นแหล่งของน้ำก็คือตาน้ำนั่นเอง แล้วต้นแหล่งแห่งความสุขที่มนุษย์ทุกคนแสวงหา และต้องการนี้มีจุดกำเนิดอยู่ที่ไหนล่ะ มีมูลค่าแพงมั๊ย ต้องเสียเงินซักเท่าไหร่เพื่อจะให้ได้มา เคยสงสัยมั๊ยคะ



เราไปดูคำตอบกันค่ะ ผู้เขียนไม่ได้นั่งเทียน นั่งทางในดู หรือว่าด้นเดาเอาเองตามจินตนาการแต่อย่างใด แต่คำตอบนี้มีอยู่เป็นสัจธรรม ซึ่งสืบทอดบอกต่อกันมายาวนานถึง 2,560ปี  ว่าคำตอบของความสุขที่ทุกคนแสวงหา ก็คือถ้อยคำตามพุทธพจน์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า

“สุขอื่นนอกจากหยุดนิ่งไม่มี”


    
          ซึ่งก็หมายความว่าไม่มีความสุขชนิดไหน แบบไหน เวอร์ชั่นใดเทียบเท่าได้กับความสุขชนิดนี้ซึ่งทันสมัยใช้ได้กับทุกยุคไม่มีตกเทรน
วิธีการให้ได้มาซึ่งความสุขนี้ก็คือ การทำสมาธินั่นเองค่ะ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า Meditate  ก็ไปศึกษาไปพิสูจน์อย่างถูกวิธีกันค่ะ มีให้เลือกตั้ง
40 วิธี ตามจริตอัธยาศัยของแต่ละคน ต้องมีซักวิธีที่ตรงใจคุณ

          และเมื่อคุณฝึกวิทยายุทธทางใจด้วยวิธีการที่ง่ายดาย จนสามารถหยุดนิ่งได้อย่างละมุนละละไมนุ่มนวลควรแก่การงานแล้วละก็ คุณก็จะเข้าใจว่าทำไม๊ทำไมพระราชา มหาเศรษฐี และผู้คนทุกชนชั้นในกาลก่อน เมื่อพบเจอความสุขชนิดนี้แล้วต่างพากันรำพึงว่า “สุขจริงหนอ” หรือถ้าเป็นภาษาในสังคมปัจจุบันก็คงบอกว่า สุขแซ่บเว่อ สุขม่วนชื่น สุขคักๆอีหลีอีหลอกะด้อกะเดี้ยกันเลยทีเดียว


 “สมาธิ” นี้เป็นคำตอบของความสุขที่แท้จริง ดีจริง เป็นสุขแบบม่วนชื่นที่ไม่มีผลข้างเคียง อย่าเพิ่งเชื่อถ้าคุณยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตนเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้บังคับข่มขู่คุกคามให้ใครเชื่อแบบทันทีโดยไม่ได้พิสูจน์ แต่กลับท้าพิสูจน์อีกนะคะ ให้มาพิสูจน์ด้วยตัวเอง ทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หรือเด็ก ทุกเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธ์สามารถศึกษาค้นพบได้ด้วยตนเอง


        เป็นความสุขที่มูลค่า และคุณค่าสูงลิบลิ่วดีต่อใจอย่างที่สุด  แต่ใช้ต้นทุนต่ำ  คุณไม่ต้องไปเสาะแสวงหาที่จักรวาลไหน โลกไหนเพราะอยู่ในตัวของเรานี่เอง  และเมื่อใจของคุณมีความสุขเพราะได้ชาร์ตพลังงานแห่งความสุขจากต้นแหล่งอันเกิดจากใจที่หยุดนิ่งแล้ว ไม่ว่าคุณจะกินอะไร ไปไหน ไปกับใคร วันที่ฝนตก แดดออก คุณก็จะมีความสุขอย่างแซ่บเว่อร์เลยหละค่ะ 

        และเมื่อคุณนำใจที่มีความสุขนี้มาสร้างบุญ หรือสวดมนต์วนไปซักกี่จบ คุณก็จะปริ่มปลื้มลืมไม่ลง   เหมือนกับโลกทั้งใบอยู่ในมือคุณกันทีเดียวเลยนะเอ้อ
  เปิดสวิทช์แห่งความสุข ให้ใจของเราได้สัมผัสถึง "ความสุขที่แท้จริง" แบบปลอดภัยไร้สารตกค้างกันสิคะจะรออะไร







วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เมื่อโอกาสทองของชีวิตอยู่ในมือเรา

และในวันนี้ที่เรายังมีคำว่า "โอกาส" 
ได้ "สวด" แบบ "สุข"
         ในสมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กได้มีโอกาสอ่านนิทานเรื่องนึง มีเนื้อหาประมาณว่า ในกาลครั้งหนึ่งได้มีกลุ่มชายแมนๆกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปท่องเที่ยวในป่าใหญ่   และได้ไปถึงที่ลำธารแห่งหนึ่งซึ่งมีก้อนหินมากมายเต็มไปหมด ระหว่างที่กลุ่มชายแมนๆเหล่านั้นกำลังชื่นชมธรรมชาติอยู่นั้น  ก็ได้มีชายแปลกหน้าคนนึงเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วบอกว่า “ให้พวกเจ้าเก็บก้อนหินนี้ไปให้มากที่สุด แล้วเจ้าจะพบกับเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ ซึ่งความน่าอัศจรรย์ใจที่พวกเจ้าจะได้พบนั้น จะทำให้พวกเจ้านั้นดีใจที่สุด และเสียใจอย่างที่สุดเช่นกัน”  แล้วชายแปลกหน้าก็เดินจากไป



กลุ่มชายแมนๆนักท่องเที่ยวเหล่านั้นพากันงุนงงกับถ้อยคำของชายแปลกหน้าที่เดินมาบอกให้พวกตนเก็บก้อนหินหนักๆนี้กลับไปด้วย บางคนไม่เชื่อแต่ก็เผื่อเหนียวก็เก็บเอาไปคนละก้อนสองก้อน  บางคนก็เก็บไปหลายก้อนหน่อย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเอาไปอย่างเต็มที่เต็มกำลัง  จนถูกเพื่อนๆล้อว่าปกติดีมั๊ยจะหอบก้อนหินไปทำไมมากมายขนาดนั้นหนักจะตาย เก็บเอาไปแต่พอดีๆเถอะ ใช้เวลาที่มีอยู่เดินชื่นชมธรรมชาติอย่างรื่นรมย์ชิวๆกลับบ้านดีกว่านะ



จากนั้นกลุ่มชายแมนๆก็พากันเดินออกจากป่านั้นไป ระหว่างทางเดินกลับออกจากป่าก็ได้มีหลายคนทิ้งก้อนหินที่เก็บมานั้นไประหว่างทาง  มีเพียงส่วนน้อยมากที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาแบกหินจำนวนมากที่ตนเก็บมานั้นต่อไป



เมื่อกลับไปถึงที่บ้านทุกคนได้พบกับความอัศจรรย์ใจอย่างที่สุด คือ ก้อนหินเหล่านั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นทองคำ และเพชรพลอยอันมีค่า คนที่เก็บมาน้อยและทิ้งก้อนหินไปต่างพากันคร่ำครวญและเสียใจอย่างที่สุด ส่วนคนที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บและแบกมาเป็นจำนวนมากก็พากันยินดีปรีดารวยรื่นชื่นบานหัวเราะ555อย่างรื่นเริงบันเทิงใจกันไป


ส่วนกลุ่มชายแมนๆที่เก็บก้อนหินมาน้อย และได้ทิ้งไประหว่างทางบางส่วนพากันย้อนกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง โดยตั้งใจว่าจะไปเก็บหินยังลำธารแห่งนั้นกลับมาให้ได้มากที่สุด แต่เป็นที่น่าเสียใจอย่างสุดซึ้งว่า พวกเขาไม่พบจุดที่เคยได้เจอก้อนหินที่มีอยู่มากมายที่ริมลำธารแห่งนั้นอีกแล้ว พบเพียงความว่างเปล่า แบกความเศร้าในหัวใจกลับบ้าน ไม่ได้รวยรื่นชื่นบานดังเช่นที่เพื่อนประสบ ได้แต่รำพึงว่าเสียดายจังรู้อย่างนี้ทุ่มเททำอย่างเต็มที่ซะก็ดีหรอกนะ โธ่เอ้ยไม่น่าเลยเราชีช้ำกระหล่ำปีจริงๆ


ในชีวิตจริงของพวกเราทุกคนที่ไม่ใช่นิทาน คงไม่มีใครอยากประสบพบเจอเรื่องเศร้าเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดจนต้องพูดคำว่า “รู้อย่างนี้ทุ่มเทให้เต็มที่กว่านี้ก็ดีหรอก..เสียดายจัง” ทุกคนต้องการที่จะพบกับความสุขสำเร็จสมหวังรวยรื่นชื่นบานกันทุกคน  แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ไปถึงฝั่งฝันที่ตนเองปรารถนา



ซึ่งเคล็ดลับแห่งความสุขสำเร็จนั้นก็คือ “บุญ” ที่เป็นเบื้องหลัง เป็นพลังงานเงียบที่คอยส่งเสริมเกื้อหนุนผลักดันให้ชีวิตเราเจริญรุ่งเรืองและมีความสุข จะสวยหล่อ ร่ำรวย มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ด้วยบุญทั้งสิ้น

        บุญสวดธรรมจักรในขณะนี้ที่เราทุกคนได้สวดกันจนคล่องปากคุ้นเคย เพื่อบูชา
พระมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานองค์พระอยู่ถึง  1 ล้านองค์นั้นเป็นบุญที่ "ใครคนหนึ่ง" ซึ่งเป็นบุคคลที่เราทุกคนเคารพรักเทิดทูนอย่างที่สุดท่านได้ย้ำนักย้ำหนามาว่า

ไม่ควรพลาดโอกาสนี้ที่จะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในวันของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่ว่าจะมีภารกิจอะไร อย่าให้มาเป็นอุปสรรค
ในการมาสวดธรรมจักรที่พระมหาธรรมกายเจดีย์
ที่ตรงนั้นสำคัญมากๆ ศักดิ์สิทธิ์มากๆ

       ซึ่งวันของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือวันวิสาขบูชาที่จะถึงในวันที่ 10พฤษภาคม พ.ศ.2560นี้  ใครที่มีความตั้งใจจะทุ่มเทสวดด้วยความปลื้มตามหลักวิชชาซักกี่จบ จะมากน้อยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ใจของเรา เราออกแบบชีวิตตัวของเราเองได้เลยค่ะ ว่าจะเก็บโคตรเพชรโคตรพลอยในครั้งนี้ไปซักกี่เม็ดกี่กระสอบก็ขนกันไปได้เลยค่ะ โอกาสของนักสร้างบารมีทุกคนตอนนี้มีอยู่เท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้สิทธิ์นั้นอย่างเต็มที่ก็ตัดสินใจกันนะคะ  มีผู้กล่าวไว้ว่า “โอกาสก็เหมือนไอศกรีม ถ้าไม่รีบชิมเดี๋ยวมันก็ละลาย”

อย่ารอให้หมดโอกาสแล้วมาฟูมฟายร้องว่า “เสียดายจัง..รู้อย่างนี้ตอนนั้นทำให้เต็มที่ซะก็ดี” ขอภาวนาอย่าให้มีพี่น้องนักสร้างบารมีคนไหนได้ใช้สิทธิ์พูดคำนี้เลยนะคะ